top of page

NGO เผย “รายงานใหม่เรียกร้องให้บริษัทดังเร่งแก้ไข หลังล่าช้าตามคํามั่นสัญญาด้านสวัสดิภาพสัตว์ปี 2025”

50 บริษัท รายงานความคืบหน้าเป็นศูนย์และยังคงเพิกเฉยต่อสัญญาเลิกใช้ไข่ไก่จากกรงตับ




กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 28 ตุลาคม 2567 : รายงานความคืบหน้านโยบายไข่ไก่ปลอดกรง (Cage-Free Tracker Asia Report 2024) ล่าสุดจาก ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล (Sinergia Animal) เผยบริษัทหลายแห่งในเอเชียมีแนวโน้มที่จะไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการเลิกใช้ไข่ไก่จากกรงตับภายในปี 2568 จากการสำรวจบริษัท 78 แห่งใน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และไทย พบว่า 50 บริษัท มีความเสี่ยงที่จะไม่บรรลุเป้าหมายที่ให้ไว้ในการหยุดใช้ไข่ไก่จากระบบกรงตับซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่นี้ และปัจจุบันมีการห้ามใช้แล้วในหลายประเทศ


"เอเชียเป็นผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ที่สุดของโลก แต่แม่ไก่หลายล้านตัวเหล่านั้นถูกขังอยู่ในกรงแคบ ๆ เคลื่อนไหวไม่ได้ กางปีกไม่ได้ และหรือแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้!”  "เราขอเรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้เปลี่ยนแปลงโดยการเลิกใช้ไข่จากกรงตับ และหันมาใช้ไข่จากระบบปลอดกรงตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ภายในปี 2568" อามอง ปาโครซา (Among Pakrosa) ผู้อำนวยการซิเนอร์เจีย แอนิมอล ประจำประเทศอินโดนีเซีย กล่าว 


บริษัทที่ยังไม่สามารถทำตามคำมั่นสัญญา: ธงแดง และ ธงส้ม


จากการสำรวจ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล แบ่งบริษัทในออกเป็นสองกลุ่ม: ธงแดง คือ บริษัทที่มีนโยบายเปลี่ยนไปใช้ไข่จากระบบปลอดกรงภายในปี 2568 แต่ไม่รายงานความคืบหน้า ธงส้ม คือ บริษัทที่มีรายงานความคืบหน้าในที่อื่นแต่ไม่รายงานในเอเชีย ซึ่งรวมถึงกลุ่มบริษัทชื่อดังหลายแห่งอย่าง โอ บอง แปง  (Au Bon Pain), ชาเทรียม (Chatrium), ฟู้ดแพชชั่น (Food Passion), เบสท์ เวสเทิร์น (Best Western) และ ซับเวย์ (Subway) 

"เวลาใกล้หมดแล้ว พวกเขาต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วน ผู้บริโภคควรเรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้รับผิดชอบโดยทันที" ปาโครซา กล่าว


สัญญาณเชิงบวกจากบางบริษัท


น่าพอใจที่พบว่า 27 จาก 78 บริษัท หรือคิดเป็น 34.61% ที่ร่วมตอบแบบสอบถาม ได้เปิดเผยรายงานความคืบหน้านโยบายไข่ไก่ปลอดกรง พบว่าในภูมิภาคเอเชีย มี 2 บริษัทสัญชาติเอเชียที่เปลี่ยนมาใช้ไข่ไก่ปลอดกรงอย่างสมบูรณ์แล้ว รวมถึงบริษัทชั้นนำอย่าง บ้านหญิง (Baan Ying Family) ร้านอาหารกัลปพฤกษ์ (Kalpapruek Restaurant) เลมอน ฟาร์ม (Lemon Farm) และ กรุ๊ป เลอ ดัฟฟ์ (Groupe Le Duff) ที่เป็นผู้นำสู่การเปลี่ยนแปลงในไทยและเอเชีย


"ความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกของบริษัทที่มีต่อสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความไว้วางใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น" ปาโครซา กล่าวเสริม


ผู้ผลิตหันมาเข้าร่วมการเคลื่อนไหวใช้ไข่ไก่ปลอดกรงมากขึ้น


รายงานที่น่าสนใจจากผลสำรวจผู้ผลิตไข่ไก่ในประเทศไทยและอินโดนีเซียจำนวน 50 ราย พบว่าผู้ผลิต 11 ราย หรือคิดเป็น 22% ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบการผลิตไข่ไก่แบบปลอดกรง 100% แล้ว ปาโครซา อธิบายว่า “ข้อมูลที่เรารวบรวมจากการสำรวจนี้จะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถหาแหล่งผลิตไข่ไก่ปลอดกรงได้ง่ายขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายในการใช้ไข่ไก่ปลอดกรง นอกจากนี้ บริษัทที่ประสบปัญหาในการจัดหาไข่ไก่ปลอดกรง สามารถใช้ระบบ อิมแพ็ค อินเซนทีฟ (Impact Incentive) หรือ เครดิตไข่ไก่เคจฟรีของ โกลบอล ฟู้ด พาร์ทเนอร์ (Global Food Partners)  ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนการผลิตไข่ไก่ปลอดกรง และและได้รับความไว้วางใจจากบริษัทขนาดใหญ่ เช่น คอมพาส กรุ๊ป (Compass Group) และ ยูนิลีเวอร์ (Unilever)”  


แนวโน้มไข่ไก่ปลอดกรงเติบโตอย่างต่อเนื่องในเอเชีย


ภูมิภาคเอเชียเป็นแหล่งผู้ผลิตไข่ไก่กว่า 64% ของโลก ซึ่งกำลังทยอยหันมาเลิกใช้ระบบกรงเลี้ยงไก่ไข่  ประเทศภูฏาน จีน อินโดนีเซีย และไทย ได้เริ่มนำมาตรฐานการผลิตไข่ไก่ปลอดกรงมาใช้แล้ว  นอกจากนี้ มีบริษัททั่วโลกอีกกว่า 2,600 บริษัท รวมถึง 318 บริษัทในเอเชีย ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่และให้คำมั่นสัญญาที่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบการผลิตไข่ไก่ปลอดกรง


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.cagefreetracker.com/asia

Comments


bottom of page